ค่าตามนี้
20, 30, 50, 70, 80
กราฟ RSI |
15, H1,H4,Day,week,month
เพื่อดูการเชื่อมโยงของแต่ละ T/F และดูคลื่น elliott wave จาก T/F เล็ก ไปใหญ่
ถ้าใครสนใจที่จะ add MA เข้าไปด้วย ก็ดูวิธีตาม links ด้านล่างนี้
add เส้น MA ( movingeverage ) ใน RSI
แบ่งโวนของราคาออกเป็น 3 โซน
- ถ้ากราฟลงมาที่เส้น 30 คือเขตของ over sole ( ขายมากเกินไป )
- ถ้ากราฟวิ่งขึ้นที่เส้น 50 เทรนกำลังจะเปลี่ยน
- ถ้ากราฟวิง่ขึ้นไปเส้น 70 คือเข้าเขต over bought ( ซื้อมากเกินไป )
จังหวะของขาลงและการหาจุดกลับตัว
- เมื่อกราฟราคาลงมาที่เส้น 30 หรือ อาจทะลุเส้น 30 ลงไปที่เส้น 20 มันจะเป็นจังหวะของการหาจุดกลับ ตัวไม่ใช่ การเปิด short
- รอให้เกิดการเด้งขึ้นทะลุเส้น 30 ขึ้นไปชนเส้น 50 หรือเกือบถึง 1 ครั้งก่อนเสมอ เพราะมันบ่งบอกว่ามีแรงซื้อเข้ามา และรอดูการลงจากแรงขายว่าหลังจากมีแรงซื้อเข้ามา แล้วเวลาลง RSI ลงมายืนที่เส้น 30 หรือไหม ถ้าลงมาแล้วยืนที่เส้น 30 ได้ก็เป็นจังหวะของการกลับตัว เพราะ RSI เริ่มยก low ขึ้น มันเป็นสัญญารบอกว่าแรงขายเริ่มหมดลงรงซื้อเริ่มได้เปรียบ ให้หาจังหวะเข้าสถานะเมื่อ RSI วิ่งขึ้นครั้งที่ 2 หรือครั้งที่ 3 แล้วทะลุเส้น 50 ขึ้นไป
กราฟ XAUUSD 15 นาที |
จังหวะ 1 และ 2 |
จังหวะซื้อครั้งที่ 1
เมื่อได้จุดเข้าที่ 1 คือราคาทะลุเส้น 30 ลงไปแล้วกลับขึ้นมายืนได้ แล้วเริ่มยก low ขึ้นไปที่ RSI ยืนได้บนบนเส้น MA เป็นจังหวะซื้อครั้งที่ 1 ตามภาพ
จังหวะซื้อครั้งที่ 2
เมื่อราคาทะลุเส้น 50 ขึ้นไปแล้วย่อตัวลงมาที่เส้น 50 แล้วไม่หลุดกลับตัวยืนได้ เป็นจังหวะซื้อครั้งที่ 2 เมื่อเส้น RSI ทะลุเส้น MA และยืนบนเส้น MA เป็นสัญญาณของการวิ่งขึ้นครั้งที่ 2 และเป็นจุดเปิด order ครั้งที่ 2 ด้วย
การรับคลื่น Elliott wave ด้วย RSI
ลำดับที่ 1 จากรูปรอให้กราฟลงมาที่แนว over sold จะเป็น 20 หรือ 30 ก็ได้ รอจังหวะการเด้งขึ้นของกราฟ และ RSI เริ่มยก low ขึ้นจะเด้งขึ้นกี่ครั้งก็แล้วแต่ รอให้ RSI ยก low ขึ้นและยืนเหนือเส้น 30 ได้จะเป็นการนับคลื่น Elliott wave เป็นคลื่น 1 และย่อ 2 ในตำแหน่ง ที่ยืนเหนือเส้น 30 ได้
ลำดับที่ 2 เมื่อกราฟเด้งขึ้นจากแนว side way ที่เส้น 30 จะเป็นจังหวะของการเกิดคลื่น 3 ในการนับคลื่น กราฟจะวิ่งขึ้นทะลุเส้น 50 ขึ้นไปชนแนวต้านเส้น 70 จะนับเป็นการจบคลื่น 3 และเกิด side way จะนับเป้นคลื่น 4
ลำดับที่ 3 รอให้ RSI ย่อทำคลื่น 4 เงื่อนไขคือ ต้องไม่หลุดแนวรับที่เส้น 50 ไม่งั้นกราฟจะเปลี่ยนเป็นขาลงทันที เมื่อราคาย่อลงมาแล้วไม่หลุดเส้น 50 RSI กราฟก็จะดีดตัวขึ้นเพื่อทำคลื่น 5 ต่อไป
ลำดับที่ 4 เมื่อกราฟขึ้นมาชน RSI ที่เส้น 70 แล้วย่อลงมาไม่หลุดแนวรับเส้น 50 เด้งขึ้นเพื่อทำคลื่น 5 ต่อไปก็จะเป็นการสร้างขาลง โดยดูจาก RSI จะเริ่มเกิดสัญญาณของ Bearish divergence เมื่อเห็นสัญญาณนี้แสดงว่ากราฟจะเริ่มทำขาลง จากแรงซื้อที่เริ่มอ่อนแรงลงและมีแรงขายเข้ามาแทนที่ ให้รอกราฟหลุดเส้น 70 ลงมาแล้วเด้งขึ้นไม่ผ่านเส้น MA กราฟก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นขาลง
ต่อไปจะกล่าวถึง การเชื่อม T/F จากเล็กไปใหญ่
เมื่อได้จุดเข้าที่ 1 คือราคาทะลุเส้น 30 ลงไปแล้วกลับขึ้นมายืนได้ แล้วเริ่มยก low ขึ้นไปที่ RSI ยืนได้บนบนเส้น MA เป็นจังหวะซื้อครั้งที่ 1 ตามภาพ
จังหวะซื้อครั้งที่ 2
เมื่อราคาทะลุเส้น 50 ขึ้นไปแล้วย่อตัวลงมาที่เส้น 50 แล้วไม่หลุดกลับตัวยืนได้ เป็นจังหวะซื้อครั้งที่ 2 เมื่อเส้น RSI ทะลุเส้น MA และยืนบนเส้น MA เป็นสัญญาณของการวิ่งขึ้นครั้งที่ 2 และเป็นจุดเปิด order ครั้งที่ 2 ด้วย
การรับคลื่น Elliott wave ด้วย RSI
นับคลื่นใน 15 นาที |
ลำดับที่ 2 เมื่อกราฟเด้งขึ้นจากแนว side way ที่เส้น 30 จะเป็นจังหวะของการเกิดคลื่น 3 ในการนับคลื่น กราฟจะวิ่งขึ้นทะลุเส้น 50 ขึ้นไปชนแนวต้านเส้น 70 จะนับเป็นการจบคลื่น 3 และเกิด side way จะนับเป้นคลื่น 4
ลำดับที่ 3 รอให้ RSI ย่อทำคลื่น 4 เงื่อนไขคือ ต้องไม่หลุดแนวรับที่เส้น 50 ไม่งั้นกราฟจะเปลี่ยนเป็นขาลงทันที เมื่อราคาย่อลงมาแล้วไม่หลุดเส้น 50 RSI กราฟก็จะดีดตัวขึ้นเพื่อทำคลื่น 5 ต่อไป
ลำดับที่ 4 เมื่อกราฟขึ้นมาชน RSI ที่เส้น 70 แล้วย่อลงมาไม่หลุดแนวรับเส้น 50 เด้งขึ้นเพื่อทำคลื่น 5 ต่อไปก็จะเป็นการสร้างขาลง โดยดูจาก RSI จะเริ่มเกิดสัญญาณของ Bearish divergence เมื่อเห็นสัญญาณนี้แสดงว่ากราฟจะเริ่มทำขาลง จากแรงซื้อที่เริ่มอ่อนแรงลงและมีแรงขายเข้ามาแทนที่ ให้รอกราฟหลุดเส้น 70 ลงมาแล้วเด้งขึ้นไม่ผ่านเส้น MA กราฟก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นขาลง
นับคลื่น Elliott wave ด้วย RSI |
ต่อไปจะกล่าวถึง การเชื่อม T/F จากเล็กไปใหญ่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น