หน้าเว็บ

วันอาทิตย์, มิถุนายน 13, 2564

demand & supply ในกราฟ

 Demand & supply หรือเรียกว่า แรงซื้อ หรือแรงตามแนวรับแนวต้าน

มีส่วนสำคัญในการกำหนดทิศทางของกราฟ เพราะการกลับตัวจะเกิดตามแนวรับและแนวต้าน ตามจำนวนแรงซื้อและแรงขายที่สะสมอยู่ ยิ่ง T/F ใหญ่ก็จะมีจำนวน demand และ supply มากขึ้นตาม T/F ที่ใหญ่ขึ้นฉะนั้น ถ้าจะหาจุดกลับตัวแม่นๆ ให้ไปดูตามแนวรับแนวต้านของ T/F day และ  T/F 60 นาที

ในกรอบ sideway จะมี demand ที่แนวรับ และ มี supply ที่แนวต้าน ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ขึ้นลงในกรอบ จนกว่า demand  หรือ supply เริ่มจะอ่อนแอลง และทำใหกราฟเคลื่อนที่ไปที่ตำแหน่งนั้น เพื่อที่จะทำการทะลุแนวนั้นไป แต่ก่อนที่จะทะลุได้ ก็จะเกิดการวิ่งขึ้นลง ชนแนวต้านและแนวรับหลายครั้ง จนกราฟวิ่งไปด้านนั้น โดยไม่กลับมาอีกฝั่งหนึ่งเพื่อที่จะทำการวิ่งทะลุแนว demand หรือ supply นั้นๆไปให้ได้ 

Trend เป็นเรื่องสำคัญของการคาดการณ์ทิศทางการวิ่งในกรอบ sideway 

  • T/F ใหญ่จะเป็นตัวกำหนดทิศทางใน T/F เล็ก
  • ถ้าใน T/F ใหญ่ยังเคลื่อนที่ไม่ครบ cycle ใน T/F เล็กก็จะยังเคลื่อนที่ไปตาม T/F ใหญ่
  • ถ้าจะมีการกลับตัว จะเกิดขึ้นที่ตำแหน่งของแนว demand หรือ แนว supply สำคัญๆเท่านั้น
  • ให้เข้าไปดูใน T/F ที่เล็กกว่า เพราะจะเห็นทิศทางการเคลื่อนที่ ของคลื่นย่อยซึ่งเป็นองค์ประกอบของ T/F ใหญ่      

ตัวอย่างกราฟ ทอง ( xau/usd )

เมื่อกราฟชนแนวต้านแล้วย่อตัวลงไปยังแนว demand จะเกิดพฤติกรรมที่แนวรับดังนี้

วิ่งขึ้นครั้งที่ 1

  • เมื่อกราฟวิ่งขึ้นชนแนว supply ของกราฟ day แล้วมีแรงขายออกมาผ่านไม่ได้ กลายเป็นกรอบ การเคลื่อนที่ในกรอบ sideway 
  • จังหวะที่กราฟลงมาแล้ว กราฟ T/F day ยังเป็นขาขึ้นอยู่ ที่แนว deamnd ก็จะมีแรงซื้อรออยู่จำนวนมาก เมื่อกราฟลงมาถึงแนวรับ ซึ่งเป็นแนวรับของ T/F H1 ก็จะมีแรงซื้อจาก แนว deamand เข้ามาดันราคาให้กลับขึ้นไป ด้วย volume จำนวนมาก และจะทำการ mark low นี้ไว้
  • กราฟจะผ่านแนวรับนี้ลงไปไม่ได้ และกลับตัวเป็นขาขึ้นวิ่งขึ้นไปที่แนวต้านด้วยแรงซื้อมหาศาล เกิดแท่งเขียวยาวและ volume จำนวนมากเพราะเป็นการลงมาที่แนว demand ครั้งแรก
วิ่งขึ้นครั้งที่ 2

  • กราฟจะลงมาที่ตำแหน่ง low ที่ทำการ mark ไว้แล้วจากการลงครั้งที่ 1
  • deamnd ที่ยังมีอยุ่และยังไม่หมด ก็จะดันไล่ซื้อดันกราฟกลับขึ้นไปอีกครั้ง
  • ครั้งที่ 2 นี้จำนวนแรงซื้อที่แนว demand นี้เริ่มจะอ่อนแรงลงเพราะลงมา 2 ครั้งแล้วไม่สามารถผ่านแนวต้านขึ้นไปได้
ขา ลงครั้งที่ 1

  • กราฟชนแนวต้านระดับกราฟ day จะมีแรงขายออกมาจนกราฟเปลี่ยนเป็นขาลงไปที่แนวต้านด้านล่าง
  • เมื่อกราฟขึ้นมาที่แนวต้านก็จะทำการ mark จุดเพื่อที่จะทำเป็นจุดแนวต้านของขาลง ถ้ากราฟขึ้นมาชนครั้งที่ 2 ที่ตำแหน่งนี้แล้วผ่านไม่ได้ ก็จะเกิดขาลงที่ตำแหน่งอีกครั้ง
ขาลงครั้งที่ 2

  • เมื่อกราฟขึ้นมาครั้งที่ 2 ชนแนวต้านที่ถูก mark ไว้แล้วก็จะมีแรงขายออกมาที่ตำแหน่งนี้
  • ถ้ากราฟผ่านไปไม่ได้ ก็จะเปลี่ยนเป็นขาลงครั้งที่ 2 ไปที่แนว demand ที่ถูกไว้ก่อนหน้านี้
ขาลงครั้งที่ 3 จะมีแรงขายออกมามากว่าทุกครั้ง

  • เมื่อกราฟขึ้นมาครั้งที่ แนวต้านที่ถูก mark ไว้ก็จะมีแรงขายออกมาไม่ยอมให้กราฟผ่านขึ้นไปได้ 
  • ถ้ากราฟ ผ่านขึ้นไปไม่ได้ ก็จะกลับเป็นขาลงครั้งที่ 3 ที่มีแรงขายจำนวนมาก เนื่องจากแรงซื้อที่เริ่มอ่อนแรงลง
  • จะเห็นแท่งเทียนสีแดงยาวกว่าก่อนหน้า ลงมาที่แนวรับที่ถูก mark ไว้

 กราฟ xau/usd จังหวะขึ้น 2 ครั้ง และลง 2 ครั้งที่แนวรับและแนวต้านของ demand & supply 

รายละเอียดใน T/F M5,M15,H1


รายละเอียดใน cycle และ ตำแหน่งการ mark จุดใน T/F H1,H4,Day


ภาพขยายจาก T/F เล็ก M1,M5,M15
  • M1 จะเป็นคลื่นย่อยที่เล็กที่สุดในกราฟ
  • M5 เป็นตัวเชื่อมการยืดของกราฟ M1 เพื่อสร้างเทรน
  • M15 เป็นตัวเชื่อมและนับคลื่นของ T/F ใหญ่จากรูปนับได้ 5 คลื่นแล้วรอดูการเด้งขึ้น 


กราฟ XAU/USD T/F ใหญ่
  • T/F M15 ขยายเพื่อดูคลื่นภายในว่าเคลื่อนที่ไปกี่ cycle แล้วใน T/F H1
  • H1 เอาไว้ดูแนวรับและแนวต้าน และจุด mark low และ mark high  
  • H4 ดูภาพคลืนใหญ่แนวรับแนวต้าน และ การเคลื่อนที่ของ cycle ใน T/F ใหญ่



ตัวอย่าง กราฟ TFEX แนว demand & supply
  • T/F H4 เกิดแรงขายลงมาหลุดแนวรับที่ 924 กลายเป็นขาลง
  • T/F H1 เมื่อหลุดแนวรับกราฟก็จะยืดลงไปที่แนวรับถัดไป
  • T/F Day กราฟลงมาถึงแนว demand ในกราฟ day ซึ่งปกติจะเด้งขึ้นแล้วค่อยๆเปลี่ยนเทรน ขึ้นหรือลงต่อไป แต่ที่แนว demand นี้กลับมีแรงซื้อไล่ราคากลับขึ้นมายืนบนแนวรับได้อย่างรวดเร็วบ่งบอกว่า กราฟยังไม่จบ cycle ขาขึ้นจึงมีแรงซื้อเข้ามาดันราคากราฟกลับไปเป็นขาขึ้นต่อได้   


กราฟ 3 T/F H1,H4,Day 





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น