หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดี, เมษายน 26, 2561

ความรู้เกี่ยวกับตลาด !!!!!

Mindset กับตัวเอง

  • เข้าใจตัวเองให้มากที่สุด ว่าชอบอะไร สไตล์ไหน ทำอะไรได้ดี
  • ตัดกิเลสออก จากจิดใจที่เกิดจากฝั่งลบจากกรรมที่พยายามจะควบคุมเรา ให้ใช้สติไตร่ตรองจนเกิดปัญญาแล้วเราจะรู้เท่าทัน  กิเลสนั้นว่าดีหรือไม่ดี
  • มองธรรมชาติของกราฟ โดยปราศจาก Ego จุดซื้อขายก็เกิดจากแรงซื้อแรงขายที่ปรากฎในกราฟ
  • ถ้าเกมส์ไหนมองออกค่อยเข้าไปเล่น ถ้ามองไม่ออกก็รอดูเพราะนักเกร็งกำไรที่ดี จะไม่เข้าไปเล่นในเกมส์ที่ไม่รู้จักและ ไม่มีแต้มต่อ


 Mindset กับตลาดหุ้น

  1. ตลาดมีนิสัยของตัวเอง ศึกษาและหามันให้เจอ
  2. ทิศถูกกำหนดไว้แล้ว ตลาดจะทิ้งร่องรอยไว้ให้กับคนที่แกะรอยเป็น และรอได้เท่านั้น
  3. หุ้นทุกตัวมี cycle ของมันจงติดตามเพื่อรอเวลาที่มันจะแสดงพลังออกมา
  4. รายย่อยต้องหาจังหวะเกาะตามตลาดไป ถ้าทุนยังไม่ใหญ่พอ
  5. ตลาดจะส่งสัญาณก่อนออกตัวเสมอ
  6. DW สิ่งที่ผลักดันราคา คือ flow ฉะนั้นจงเข้าใจการไหลของ flow ให้มาก
Mindset ในมุมมองของเจ้ามือ หุ้น+ Tfex

ขาลง
  • เมื่อคนส่วนใหญ่รู้ทิศทางหลักของ set เจ้าจะไม่ทำขึ้นแบบง่ายๆ ต้องหลอกหล่อให้งงก่อนเอาขึ้น
  • อาจเห็น sw ชุดใหญด้านล่างฐาน แล้วกดราคาลงทำให้น่ากลัว + volume ขาย พอถึงแนวรับสำคัญก็ซื้อกลับเขย่ารายย่อยให้ออกไปให้มากที่สุดก่อนเอาขึ้น
  • จะเห็นการลงที่เร็วและขึ้นที่เร็ว ต้องรียตัดสินใจตามทันทีไม่งั้นไม่ทัน
  • ถ้าลง A ครั้งแรกยาว C อาจจะสั้น แต่ถ้า A สั้น C อาจจะลงยาว 5 คลื่น หรือ 3 คลื่นได้
ขาขึ้น
  • นับขาลงให้จบก่อน อาจจะเป็น 3 คลื่น หรือ 5 คลื่น
  • ให้หา low ให้เจอก่อนแล้วอาจเจอ double bottom ก่อนเริ่มนับคลื่น 1 และหาจังวหะเข้าที่คลื่น 2
  • ให้หาจังหวะเข้าที่จะอยู่ที่ด้านล่สงที่ คลื่น 2 หรือ 1 ก็ได้จะได้จุดเข้าที่ดี
อธิบายการลง การเด้ง และการขึ้น


Mindset ของตัวเองแบ่งเป็น 2 ส่วน
ส่วนที่ 1
  1. เรามีนิสัยติดตัวมาตั้งแต่เกิด
  2. ต้องพยายามปรับจูน การเทรดให้ตรงกับจังหวะของตลาดให้ได้
  3. ติดตามและสรุปแนวทางการดทรดของตัวเองว่าได้กำไร หรือ ขาดทุนถ้ายังขาดทุนอยู่ก็แสดงว่าเรายังหาจุดที่ตรงกับตลาดไม่ได้
ส่วนที่ 2
  1. ใช้พลังแฝงในตัวให้เต็มที่ แล้วผลจะออกมาดีเอง
  2. ติดตามและสรุปการเทรด เพื่อปปรับจูนให้ตรงกับตลาดทุกวัน
เกี่ยวกับตัวหุ้น
  • หุ้นจะขึ้นได้แรงขายต้องน้อยกว่าแรงซื้อ
  • จุดที่จะ shoot ต้องสร้างฐานที่ดีซะก่อน
  • ต้องแท่ง shoot ที่ชนะแนวต้านสำคัญก่อนมันถึงจะบ่งบอกว่าแรงซื้อเริ่มกลับมาจริงจังแล้ว
  • จงเลือกหุ้นที่ เวลาและจังหวะมาถึงพร้อมกันเสมอ
  • ตอนเช้าจะเป็นการซื้อ เย็นจะเป็นการขาย
การอ่าน sw
  • ช่วง sw แรกไม่เข้าเพราะไม่ยังอ่านไม่ออกว่า กำลังทำ pattern อะไรรอให้อ่านออก
  • เมื่ออ่าน sw ออกแล้วจับตาจังหวะเข้าให้ดี เมื่อถึงจังหวะเลือกทาง
  • จังหวะเข้าต้องไม่อยู่ กรอบของ แรงซื้อ หรือ แรงขาย ต้องอยู่ในภาวะไร้แรงซื้อและแรงขาย
อธิบาย ทำไมราคาหลุดแนวรับหรือแนวแนวต้าน
  • เมื่อราคาหลุดแนวรับ หรือ แนวต้านสำคัญ ต้องดูว่ามีแรงฝั่งตรงข้ามเข้ามารับหรือเปล่า ถ้ามีเข้ามาก็แสดงว่า ยังอยู่ในกรอบเพราะมีการ control ราคาอยู่มีการดึงกลับเมื่อหลุดกรอบออกไป
  • การหลุด อธิบายได้ดังนี้
          ต้องใช้แรงมหาศาลในการกดราคาให้ลง หรือ ขึ้นไปที่เป้าหมาย แต่คนทำราคาไม่รู้มีแรง
          ต้านมีอยู่เท่าไร เลยบ้างทีอาจใส่แรงเกินไปบ้างทำให้ราคาหลุดแนวเป้าหมายไป 

เรื่อง Time frame

  • T/F ที่มีน้ำหนักที่สุดคือ T/F Day แนวรับแนวต้านจะมีผลต่อราคาอย่างมาก
  • T/F 60 นาทีเป็นภาพระยกลาง มีผลลองลงมา ใช้ดูเทรนประกอบกับ Day
  • T/F เล็กลงไป เช่น 5 นาทีเอาไว้ดูรายละเอียดการเคลื่อนตัวของราคา จุดซื้อและขาย



จังหวะการเทรด
ต้องเข้าเงื่อนไข 4 ข้อก่อน

  1. ต้องจบขาลงที่ชัดเจนซะก่อน และสร้าง pattern ที่อ่านออกซะก่อนไม่ต้องรีบเพราะแรงขายยังไม่หมดไป หุ้นจะขึ้นได้ต้องเห็นการส้รางฐานที่ดี ถ้าแรงขายเริ่มหมดก็จะเห็นการสรา้ง pattern ของขาขึ้นต่อไป แล้วดูว่าแข้งแรงไหม  
  2. เห็น sw เริ่มสร้างขาขึ้นใหม่ เริ่มเห็นขา 1 และย่อทำขา 2
  3. volume ขายต้องเริ่มน้อยลง volume ซื้อต้องเริ่มกลับมา
  4. ต้องมีแนวรับสำคัญรับอยู่ ถ้าหลุดก็ cut ทันที   

กรอบการเทรด
ช่วง Reversal
  • หาหุ้นพื้นฐานดี  ลงมาที่แนวรับสำคัญ หรือหลุดแนวรับได้นิดหน่อย วันถัดไปเอามาเฝ้าไว้ เพราะถ้ามันยังจะเปลี่ยนเทรนจริงๆ มันจะมี volume เข้ามาดันราคาไว้และอาจจะได้จุดเปลี่ยนเทรนเลย  
  • หาจุดกลับตัวให้เจอด้วย Fibo 
  • นับคลื่น Elliott wave
  • หาแนวรับที่มมี demand จำนวนมาก 

ช่วง swing trade
  • จะเกิดในช่วง sw คลื่น 1 ไปคลื่น 2 หรือช่วง ปรับฐาน
  • ขึ้นไปถึงแนวต้านแล้วมีแท่งขายยาว + volume เป็นจุดส่งสัญญาณขายแรก
  • เมื่อราคาลงมาที่แนวรับก็ พิจารณาจุดซื้อใหม่ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น