องค์ประกอบของกราฟ ประกอบไปด้วยส่วนต่างๆดังนี้
- ราคาเปิด และ ราคาปิด
- แนวรับ และ แนวต้าน
- Volume ซื้อและขาย
- เอากราฟแท่งเทียน มาต่อเป็น Pattern ต่างๆ
ภาพอธิบายราคาเปิดปิดของกราฟแท่งเทียน
ภาพจาก webside https://aommoney.com/stories/daddytrader/10-รูปแบบแท่งเทียนที่ควรค่าแก่การจดจำ/11950#jzt0sdsr8
แท่งเทียนเปิดปิดเขียงและแดงเต็มแท่ง
เขียนคลื่นในรูป Elliott wave ใน 1 แท่งเทียน
ใส่แนวรับและแนวต้าน บวก volume ซื้อและขายเพื่อให้ครบองค์ประกอบ
- volume จะเป็นตัวบอกปริมารการซื้อและขาย และความยาวของแท่งเทียน
- ราคาเปิดสูงปิดต่ำ แท่งเทียนจะเป็นสีแดงราคาวิ่งจากบนลงล่าง
- ราคาเปิดต่ำปิดสูง แท่งเทียนจะเป็นสีเขียวเป็นวิ่งขึ้นจากล่างขึ้นบน
- แนวรับแนวต้านเป็นแนวที่แนวมีความสำคัญกับราคาที่เคลื่อนที่ผ่าน จะสัมพันธ์กับ volume ถ้าจำนวน volume มากเมื่อราคาเคลื่อนที่มาถึงแนวต้านก็อาจะย่อไม่ลึกแล้วผ่านไปได้ ถ้ายังเคลื่อนที่ไม่ครบคลื่น แต่ถ้า volume น้อยเมื้อกราฟเคลื่อนที่มาถึงก็อาจะมีแรงขายออกมามากกว่าแรงซื้อ กราฟก็จะกลับเป็นขาลง ไม่สามารถขึ้นต่อได้
เขียนคลื่นอธิบายใน 1 แท่งเทียนและเอาเชื่อมกันเพื่อดูรายละเอียดของการเคลื่อนที่ของของราคาผ่านแนวรับและแนวต้านบวกด้วย volume และเอาแท่งเทียนมากว่า 2 แท่งมารวมกันก็จะเกิดเป็น pattern แบบต่างๆที่เป็นรูปแบบซ้ำๆกัน
- ในรูปเป็นรูปแท่งเทียนในตำแหน่งจุดกลับตัวเอามาแปลงเป็นกราฟและคลื่นจะได้ตามรูป
แปลงเป็นกราฟได้ตามรูป 2 แท่งเทียน |
แท่งเทียนกลับตัวขึ้น + volume |
⭆
แท่งเทียนกลับตัวลง + volume |
แปลงเป็นกราฟและคลื่นใน 2 แท่งเทียน |
⭆
ดู pattern ของกราฟแล้วหาสัญญาณของการเปลี่ยนแปลง
การเรียงของกราฟ จะเกิดเป็น pattern เมื่อเห็น pattern ที่เกิดและตีความได้ว่าเป็น pattern อะไร รู้จักหรือ ไม่ ถ้ารู้จักก็รอเข้าที่จุดเข้าต่อไป เรียงลำดับองค์ประกอบที่เกิดขึ้นจากกราฟได้ดังนี้
- เกิดแรงขายกราฟกลายเป็นขาลง ลงมาชนแนวรับสำคัญของฝั่งซื้อ
- การลงเริ่มสั้นลง และแรงขายเริ่มลดลงหลังจากเกิดแท่ง selling climax
- ที่แนวรับของฝั่งซื้อมี แรงซื้อเข้ามาเกิดแท่งเทียวสีฟ้า + volume จำนวนมากเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ามีแรงซื้อเข้ามาที่ตำแหน่ง low แสดงว่าแรงซื้อไม่ยอมให้ลงที่แนวรับนี้
- ถ้ากราฟจะเปลี่ยนเป็นขาขึ้นได้ แรงซื้อต้องเข้ามาดันราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และต้องมากว่าแรงขาย แรงขายก็ต้องลดลงเพื่อให้แรงซื้อสามารถดันราคาขึ้นชนแนวต้านแล้วผ่านไปได้เรื่อยๆ
- เมื่อชนแนวต้านสำคัญของฝั่งขายแล้ว volume ขายลดลง volume ซื้อเข้ามาแทน ราคาก็วิ่งขึ้นไปติดแนวต้านของฝั่งลง แต่แรงขายที่ขายออกมาลดลงจนไมาสามารเปลี่ยนกราฟให้เป็นขาลงได้
- เมื่อแรงขายไม่สามารถเปลี่ยนกราฟให้เปลี่ยนขาลงได้ มันเป็นสัญญาณ บ่งบอกว่ากราฟได้เริ่มเปลี่ยนเป็นขาขึ้นแล้ว เพราะ low เริ่มยกขึ้น และเมื่อมีแรงขายออกมา ก็ไม่ลงมาที่ low เดิม มันก็จะเริ่มสร้างเทรนขาขึ้นต่อไป
ภาพ Pattern กลุ่มแท่งเทียนในตำแหน่งจุดกลับตัว |
รายละเอียดของจุดกลับตัวจากการอ่าน pattern ของแท่งเทียน |
เมื่อเอาแท่งเทียนมารวมกันก็จะเกิดเป็น pattern ต่างๆตามแรงซื้อและแรงขายที่เคลื่อนที่ผ่านแนวต้านและแนวรับ บวกกับ volume ซื้อและขายก็จะเกิดเป็นการเคลื่อนที่ของกราฟ ภาพที่เกิดขึ้นก็จะเอามาดูเพื่อหาจุดเชื่อมโยงและหาจุดกลับตัวของกราฟในตำแหน่งต่างๆ
ส่วนประกอบของกราฟ day |
ส่วนประกอบในกราฟ Week |
รายละเอียดของแรงซื้อและแรงขาย บวกแนวรับแนวต้าน และการไล่ราคาขึ้น และขายลงในกราฟ โดยแบ่งออกเป็น cycle 4 cycle ตามรูป
เงื่อนไขของกราฟขาขึ้น
- แรงซื้อต้องมากกว่าแรงขาย
- แรงขายต้องน้อยกว่าซื้อ
- เกิดการยก high ยก low ขึ้น
- เห็นการสร้างคลื่นขาขึ้นตามแนวรับและการย่อ volume ขายต้องลดลงลงติดแนวรับแล้วเกิดการกลับตัวขึ้นต่อไปเรื่อยๆ
เงือนไขของขาลง
- ขาลง volume ขายจะมากกว่าซื้อเสมอ
- แรงซื้อจะต้องน้อยกว่าขาย
- ลงติดแนวต้านก็จะออก sideway แล้วลงต่อเกิด high ต่ำลง low ต่ำลง
- จะเห็น volume selling climax ออกมาที่บริเวณแนวรับที่มี supply เพียงพอที่จะกลับตัวได้
cycle ขึ้นและลง + volume ซื้อและขาย + แนวรับและแนวต้าน |