หน้าเว็บ

วันอาทิตย์, สิงหาคม 19, 2561

หาหุ้นเล่น DW อย่างไง ver.1


  • กรองหุ้นตามกลุ่มนักลงทุนรายใหญ่

การเลือกหุ้นของนักลงทุนสถาบัน 


          - มองเศรษฐกิจภายในประเทศ เพื่อเลือกอุตสาหกรรมที่เติบโตกว่าปกติ
          - มีธุรกิจที่ทำรายได้ จากต่างประเทศเข้ามาเสริมรายได้ 
          - ผู้บริหารต้องดี มีวิสัยทัศน์
          - เน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่และกลาง
          - ลักษณะซื้อขายเหมือน vi ซื้อเมื่อราคาหุ้นตัวนั้นๆเกิด วิกฤติ และขายเมื่อราคาเกินมูลค่าพื้นฐาน
          - ซื้อเมื่อราคาหุ้น อยู่ที่ low ไปขาย high เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างดี เล่นเป็นรอบๆ
          - ราคาถูก price / ebitda ต่ำ ต้องไม่แพงเกินไป
          - ปันผลสูง
          - เป็นช่วง growth ของบริษัท
          - ไม่มีข่าวร้ายที่กระทบกับกำไรของบริษัท
          - มีหนี้ไม่ควรเกิน 50% ของทรัพย์สิน
          - เน้น bottom up รายบริษัทถ้าเศรษฐกิจยังไม่ดี
-  เน้นเติบโตดี กำไรเลข 2 หลักขึ้นไป ต้องเป็นการโตแบบ growth quality
-   มีข่าวลบมากระทบกับบริษัทแต่เป็นชั่วคร่าว
-  หุ้นที่ขึ้นลงเป็น cycle เลือกที่ลงแล้วจะเริ่มพื้นตัวกลับขึ้นมา
-   หุ้น โรงไฟฟ้า, โรงพยาบาล,ค้าปลีก,ท่องเที่ยว
-   หุ้นที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ จะซื้อก่อนราคาหุ้นสะท้อนพื้นฐาน
-   หุ้นที่เกี่ยวข้องกับผู้คนส่วนใหญ่ ที่ต้องเกี่ยวข้องทุกวัน เช่น IT,อุปโภค บริโภค,หุ้นที่มีกำลังเติบโตต่อเนื่อง เช่นหุ้นโรงไฟฟ้า
-   จะลงทุนแบบกระจายความเสี่ยง หุ้น,ตราสารหนี้,อสังหาริมทรัพย์ กองทุนโครงสร้างพื้นฐาน
-   ใช้ PE band เป็นการดูแนวรับแนวต้าน 2 DS = 17 เท่า

-   หุ้น commodity ตามวัฎจักรของวัตถุดิบ    

ลักษณะการเลือกหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ


          - ซื้อแล้วอยู่ได้ 1-3 ปี
          - หุ้นที่คนไม่ค่อยมอง ราคาอยู่ low
          - ผลประกอบการดี
          - ราคาไม่แพง pe ต่ำ
          - ซื้อแล้วภายใน 1 ปีสามารถกลับมา perform ได้
          - หุ้นที่ได้คะแนน CG ดีๆ 
-  ต่างชาติเกร็งกำไรกับ Tfex ด้วยถ้าเห็นต่างชาติเริ่ม long ก็อาจจะเป็นสัญญาณการกลับตัวของ set ได้
-  ถ้าต่างชาติ short Tfex ก็อาจจะเป็นสัญญาณว่า set อาจจะลง 

เก็บข้อมูลรายวันและสรุปผล flow เข้าออก และหุ้นรายตัวที่มี volume สะสม ผ่าน NVDR และ block trade



                                  ก็จะได้หุ้น 1 ชุดมาเฝ้า
            
TMB CBG
TRUE PTG
PLANB AMATA
STEC AAV
AOT CPALL
IVL
PTTGC
BANPU
QH


หาหุ้นค้ำตลาดในวันที่ set ขึ้นคาดการณ์ว่าน่าจะเอากลุ่มไหนมาค้ำจาก top gainers และ top volume



หุ้นที่ใช้ค้ำตลาดในวันนั้นๆจาก most active value




หัวข้อในการเลือกหุ้นที่จะเอามาเฝ้า

  • จังหวะย่อในขาขึ้นมันจะเด้งได้ดีเพราะมันขึ้นแล้ว ถ้ายังไม่จบรอบต้องมีคนเข้ามารับทันที
  • เลือกหุ้นที่ กองทุนทั้งในประเทศและต๋างประเทศต้องการ
  • มีพื้นฐานรองรับ งบการเงินดี
  • ทั่งกลุ่มเป็นขาขึ้น
  • อาจจะมีข่าวเข้ามาช่วยดันราคาด้วยยิ่งดี
  • เลือกตัวที่เด้งขึ้นแรงๆ เพราะมันจะวิ่งได้ดี


แยกประเภทของหุ้นเพื่อง่ายต่อการติดตาม
  1. หุ้นที่มีข่าว
  2. หุ้นที่มีพฤติกรรมขึ้นแรงลงแรง
  3. หุ้นที่ขึ้นมาจากฐาน ย่อคลื่น 2 แล้ว sideway รอข่าวดีมากระทบ
  4. หุ้น commudity ที่กลับมาเป็นวัฎจักรขาขึ้นจากราคาของวัตถุดิบที่เริ่มกลับตัวเป็นขาขึ้น
  5. หุ้นที่ลงมาจบขาลงออก sideway แล้วเกิด x wave เชื่อมลงเป็นขึ้น
  6. หุ้นที่เป็นขาขึ้นมานานๆแล้ว หรือเพิ่งขึ้น แล้วเกิดแรงขายหนักๆออกมา เรียกว่าไม้ตกใจรอจังหวะของ คลื่น3 เด้ง 4 แต่คลื่น 3 ต้องลงแรงพร้อม volume ลงมาชนแนวรับสำคัญที่มีนัยยะของฝั่งซื้อ
  7. หุ้นที่เป็นขาขึ้นแล้วเกิดการพักฐานปกติ สร้างคลื่นขาลงครบแล้วพร้อมกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง    




วันพุธ, สิงหาคม 15, 2561

Bid offer หุ้น Beauty


ในวันที่ตลาดแดงมีแต่แรงขาย ก็มีหุ้นที่วิ่งสวนตลาด ถ้าหาทรงกราฟที่มีลักษณะเป็นต้นเทรนของขาขึ้นและมีข่าวดี เป็น story ให้ทำราคาได้อย่างสมเหตุสมผล แล้วเอาเฝ้าดีๆก็อาจจะได้ bonus กับเขาบ้าง

story ที่เดาว่าเอามาทำราคา คือ

  1. งบการเงินที่ออกมาดีกว่าที่ผู้บริหารคาดการณ์ไว้
  2. กรอบสะสม สะสมมานานแล้วอาจจะถึงจุดที่พอแล้ว



 ศึกษาลักษณะการวาง bid offer หุ้น Beauty ที่มีการไล่ราคาแต่เช้า

ไล่ราคาขึ้น Bid Ofer volume มากกว่าปกติ
Bid offer หนาเพราะมีคนสนใจเป็นจำนวนมาก

มีการไล่ราคาขึ้น มูลค่า สองพันกว่าล้านบาทในช่วงเช้า วันที่ตลาดแดง

                                   

เห็นการ mark ราคาในฝั่ง Offer
                       
ไล่ราคาขึ้นแล้วพักตัวที่ราคา 8.15 - 8.2
          

ยัน Bid ที่ราคา 8.15
                                   

พักตัว order เริ่มช้าลง
ช่วงบ่ายหลังจากมีการไล่ราคาตอนเช้า และก็พีกตัวที่ราคา 8.05-8.10

เห็นการ mark ราคาทั้งฝั่ง Bid และ Offer  

                                    
เริ่มไล่ราคาขึ้นอีกครั้ง
ช่วง 4 โมงเย็นก็ไล่ราคาขึ้นอีกครั้ง

เห็น mark ราคา 8.00 บาทเป็นแนวรับ

ไล่ราคาไปที่ราคา 8.4 ซึ่งเป็นจุดแรกที่เห็นว่ามีการ mark ราคา

ยัน bid ที่ 8.3 เป็นช่วงท้ายตลาดมีแรงขายออกมา ราคาติดอยู่ที่ 8.4 -8.45

TOP bid offer ณ.จุดกลับตัว

ศึกษาจุดกลับตัวและ สังเกตุลักษณะของ bid offer ประกอบคู่กับกราฟเพื่อหาจุดเชื่อมโยงที่ดีที่สุด



เปิดตลาดเริ่มมีแรงซื้อเข้ามา



แรงขายที่ราคา 79.25 แนวรับสำคัญแต่ volume ขายไม่เยอะ





                                                          

 แรงซื้อกลับมาซื้อหลังจากพักตัว


แรงขายหลังจากมีแรงซื้อครั้งที่ ชุดที่ 2 volume ก็ยังไม่เยอะ


หลังจากนั้นมีแรงซื้อเข้ามาไม้ใหญ่ยกช่องและก็ซื้อต่อเนื่อง







วันอังคาร, สิงหาคม 14, 2561

หาหุ้นที่แข็งกว่าตลาด ในยามตลาดลง

 ในยามที่ตลาดลง ลองสังเกตุหุ้นกลุ่มไหนที่ไม่ลงตาม หรือ ขึ้นสวนตลาด ( แข็งกว่าตลาด ) โดยพอสรุปเป็นข้อๆได้ดังนี้

  1. เลือกดูดัชนี ว่าหุ้นกลุ่มไหนที่แข็งกว่าตลาดในยามที่ตลาดลงแรง
  2. เข้าไปดูหุ้นรายตัวว่า ตัวไหนเป็นตัวนำแล้วเอามาจับตาดู
  3. เลือกตัวกราฟที่ยังเป็นขาขึ้นอยู่ยังไม่จบขาขึ้น
  4. เลือกหุ้นที่ขึ้นตาม set แต่เวลาลงไม่ลงตาม
  5. เลือกหุ้นที่ ทรงกราฟ เคยวิ่งขึ้นลงแรง เวลาขึ้นก็จะมีแรงกระชากได้แรงเช่นกัน





กลุ่มที่แข็งกว่าตลาด มี 3 กลุ่ม

  1. PF&REIT
  2. CONS
  3.  ETRON
ตัวอย่างหุ้นในกลุ่ม CONS ที่เป็นตัวนำตลาด




STEC 60 Minute


วันอังคาร, สิงหาคม 07, 2561

bid offer กับจุดกลับตัวหุ้น CPALL


สังเกตุ bid offer ที่จุดกลับตัวของหุ้น cpall

เพิ่มคำอธิบายภาพ

เริ่มมีแรงซื้อที่จุด bottom





แรงขายลดลงเมื่อมีแรงซื้อกลับมา


แรงซื้อกลับมาซื้ออีกครั้ง


เริ่มมีแรงขายที่ bottom ราคา 71.75 บาทอีกครั้ง



                                                          

หลังจากที่มีแรงขายออกมาเป็นครั้งที่ 2 และเริ่มหมดราคาไม่หลุด 71.75 บาทก็มีแรงซื้อกลับมาอีกครั้ง




 
เริ่มมีแรงขายออกมาแต่ volume ไม่เยอะไม่มีไม้ใหญ่ๆ ออกมา

                                                            

                                                           


เริ่มมีแรงซื้อกลับอีกครั้งเป็นครั้งที่แรงขายเริ่มหมดและมีแรงซื้อต่อเนื่องจนราคาเริ่มขยับขึ้นได้